วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด สีฉูดฉาด

กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด สีฉูดฉาด


สุขบัญญัติข้อ 4 : กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตรายและหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด  สีฉูดฉาด
  
      อาหารเป็นปัจจัยที่สำคัญในการกำหนดสภาวะสุขภาพของคน ดังนั้นการทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ อย่างเพียงพอและเหมาะสม จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงการทานอาหารที่มีสารปนเปื้อนทานไม่ถูกหลักโภชนาการหรือทานอาหารมากไปก็จะก่อให้เกิดโรคตามมามากมาย

       การทานอาหารเพื่อสุขภาพดี  ควรทานอาหารที่สุกสะอาดอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆโดยหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่สุกๆดิบๆ  ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่   แต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย   ในปริมาณที่พอเหมาะ ให้มีความเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย  ทานพืชผักให้มาก   ทานผลไม้เป็นประจำ โดยทานอย่างน้อยวันละครึ่งกิโลกรัม หรือทานผักครึ่งหนึ่ง  อย่างอื่นอีกครึ่งหนึ่ง ซึ่งผักผลไม้นั้นมีเส้นใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ  และสารอาหารหลายชนิด ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย  ช่วยให้ขับถ่ายได้ดี   ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค  ซึ่งช่วยป้องกันโรค และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง 
โรคความดันโลหิตสูง  โรคหัวใจและหลอดเลือด

images.jpg

    การหลีกเลี่ยงการทานอาหารรสจัด ลดอาหารที่มีไขมัน  และมีโคเรสโตรอลสูง    ได้แก่อาหารทอด   ผัด  เนื้อสัตว์ติดมัน  เครื่องในสัตว์  อาหารทะเล  เป็นต้น งดอาหารที่มีรสจัด  เค็มจัด  หวานจัด   ทานอาหารให้ถูกโภชนาการทุกวัน

       การกินอาหารหวานมากทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน  โรคหัวใจ  โรคเบาหวาน   การกินเค็มมาก  เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง  

       นอกจากนี้ก็ไม่ควรทานอาหารที่หมัก ดอง  อาหารที่ใส่สีฉูดฉาด เช่น ขนมต่างๆเพราะมีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย   ควรดื่มนมเป็นประจำ  จะช่วยให้กระดูก และฟันแข็งแรง เด็กควรดื่มนมวันละ  2-3 แก้ว   ผู้ใหญ่ควรดื่มนมพร่้องมันเนย วันละ1-2 แก้ว  ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ  8  แก้ว 

             
images.jpg

 
                  

 หลักในการซื้ออาหารที่ปลอดภัย 
โดยคำนึงถึงหลัก 3 ป  คือ  ประโยชน์ ปลอดภัยและ ประหยัด  การปรุงอาหารให้ถูกสุขลักษณะโดยคำนึงถึงหลัก 3 ส  คือ สงวนคุณค่าสุกเสมอ  และสะอาดปลอดภัย   ทานอาหารที่มีการจัดเตรียม  การประกอบอาหาร และ ใส่ภาชนะที่สะอาด   ทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่  รวมทั้งใช้ช้อนกลางในการทานอาหารร่วมกันกับผู้อื่นทานอาหารให้เป็นเวลา  
      การทานอาหารที่ถูกต้องเหมาะสม จะทำให้ไม่เกิดโรค   หากทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง
จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน  ความดันโลหิตสูง  หลอดเลือด สมอง  มะเร็ง
พยาธิ   อุจจาระร่วง  ได้


***
 การทานอาหารที่ถููููกหลักโภชนาการ จะทำ  

       ให้มีสุขภาพที่ดี และแข็งแรง***
                                              
                                   
 ..................................


อาหารที่มีสีฉูดฉาด   สีผสมอาหารแบบต่างๆ

      ยุคสมัยนี้อาหารใส่สีมีให้เห็นมากมาย เกลื่อนกลาดเลยก็ว่าได้  ผู้ผลิตหรือคนขายใส่สีลงไป  โดยคาดหวังว่า ทำให้อาหารและเครื่องดื่มมีสีสวยงาม   จะเป็นที่ดึงดูดผู้บริโภคเป็นอย่างดี  โดยเฉพาะเด็กๆ  ซึ่งจะช่วยให้ขายดีมีกำไรมาก 
     
 อีกเหตุผลที่ผู้ผลิตใส่สีผสมลงไป เช่น  เติมลงไปในนมผง  เนื่องจากนมวัวในฤดูร้อนมีสีเหลืองเข้มกว่านมในฤดูหนาว เนื่องมาจากปริมาณเบตาคาโรทีนในหญ้าที่วัวกินเข้าไปในฤดูร้อนมากกว่าฤดูหนาว  บริษัทผู้ผลิตจึงใช้สีผสมอาหาร แต่งสีนมเพื่อให้อาหารที่ผลิตออกมามีสีคงที่ตามมาตรฐานที่ตนเองต้องการ อาจหวังประโยชน์  คือ  ไม่ให้ผู้ซื้อเกิดความเข้าใจผิดว่าสีของนมที่ซีดไปทำให้คุณภาพของนมลดลงไปด้วยและบางคนก็ใส่สีเพื่อกลบเกลื่อนความไม่น่ามองของอาหาร เช่น เบียร์   วิสกี้  อาหารกรอบ  เมื่อผ่านกระบวนการจะมีสีที่ไม่สวยงามก็จะเติมสีลงไป  รวมทั้งการแต่งสีเพื่อช่วยให้ดูคล้ยอาหารที่มีคุณภาพสูง เช่น อาหารที่ใช้ไข่เป็นส่วนผสม  ปรากฏว่าในการผลิตจริงใช้ไข่เพียงเล็กน้อย    ฟรือไม่ได้ใ่ส่เลย   แต่ใช้สีเหลือง  ผสมลงไปเป็นสีของไข่ 
สีผสมอาหารที่ใช้ถูกกฏหมาย

      สีผสมอาหารที่ใช้ถูกกฏหมาย  คือ  สีผสมอาหารชนิดสังเคราะห์ หาซื้อได้ตามร้านค้า  และ ซูเปอร์มาเก็ตทั่วไป  กฏหมายกำหนดให้้ใช้สีสังเคราัะห์์สำหรับผสมอาหารได้ ในปริมาณที่กำหนดรายละเอียดของแต่ละสี  เช่น  ปริมาณสีที่ใช้ที่อนุญาตให้ใช้ผสมอาหารและ เครื่องดื่ม  ไอศกรีม  ลูกกวาด  และขนมหวาน  มีดังนี้
สีที่ใช้ได้ไม่เกิน 70  มิลลิกรัม   ต่ออาหารในลักษณะที่ใช้บริโภค   1  กิโลกรัมได้แก่

สีแดง   คือ   เอโซรูบีน  และ  เออริโทซิน

สีเหลือง   คือ   ตาร์ตราซีน   ซันเซตเยลโลว์   และ เอฟซีเอฟ

สีเขียว   คือ   ฟาสต์กรีน  และ  เอฟซีเอฟ

สีน้ำเงิน คือ   อินดิโกคาร์มีน  หรือ อินดิโกติน

สีที่ใช้ได้ปริมาณไม่เกิน  50 มิลลิกรัม   ต่ออาหารลักษณะที่ใช้  1  กิโลกรัม

สีแดง   คือ   ปองโซ  4  อาร์

สีน้ำเงิน  คือ   บริลเลียนบลูล์เอฟซีเอฟ


     ทั้งนี้ผู้ผลิต หรือผู้จำหน่าย  ควรใช้ในปริมาณที่กำหนด  หากต้องการสีสันอื่นๆ  ก็สามารถนำแม่สีที่อยู่ในอัตราสีต่างๆมาผสมกัน จะได้สีหลากหลายมากขึ้น  โดยต้องมีปริมาณของสีทุกชนิดไม่เกินปริมาณของสีที่กำหนดให้ใช้สีผสมอาหารที่ได้จากธรรมชาติที่ใช้บริโภคได้บ่อยๆ โดยไม่เกิดอันตราย  เช่น
สีแดง ได้จาก ครั่ง (ใช้รังครั่งใหม่ๆ)  กระเจี๊ยบ (กลีบเลี้ยงหุ้มฝัก)   ดอกเข็ม  มะเขือเทศสุก  มะละกอ  อั้กคั่ก หรือ  ข้าวแดง  หัวบีท  ฝาง (ใช้เนื้อไม่หรือแก่นให้สีแดง) พริกแดง   ถั่วแดง   และเมล็ดผักปรัง 
สีเหลือง ได้จาก  ขมิ้น  (ทั้งขมิ้นชันและขมิ้นอ้อย)   ลูกพุด  ลูกตาลสุก  ฟักทอง   หัวแครอท   ดอกคำฝอย   เมล็ดคำแสน (เรียกว่าคำไทหรือคำเงาะ)  ไข่แดง  ดอกโสน  และดอกกรรณิการ์

สีเขียว    ได้จาก   ใบเตย  ใบญ่านาง  ผักชี  ใบตะไคร้  และ พริกเขียว

สีน้ำเงิน    ได้จาก   ดอกอัญชัญ
สีม่วง  ได้จาก    ลูกหว้า  ใบสาวดำ   มันเลือดนก   ดอกอัญชัญผสมน้ำมะนาว  และ   ข้าวเหนียวดำ

สีน้ำตาล   ได้จาก   น้ำตาลเคี่ยวไหม้   (คาราเมล: caramal)   และ  โกโก้ผง
สีดำ   ได้จาก  ใบยอ   ใบคนทีสอ  ถ่า่น  กาบหรือกะลามะพร้าวเผาไฟ   หรือใบจาก  หรือใบตาลเผาไฟ   ถั่วดำ  และดอกดิน
อาหารที่ห้ามใส่สี
    
      อาหารที่ห้ามใส่สีผสมอาหารทุกชนิด  ไม่ว่าจะเป็นสีจากธรรมชาติ  หรือสีสังเคราะห์
ตามฉบับที่  66  (พ.ศ.2525)  ดังนี้

อาหารสำหรับทารกทุกชนิด   นมดัดแปลงสำหรับทารก   อาหารเสริมสำหรับเด็ก     ทอดมัน  กะปิ  ข้าวเกรียบ   แหนม   กุนเชียง  ไส้กรอก   ลูกชิ้น  หมูยอ   ผลไม้ดอง   ผลไม้สด   ผักดอง   เนื้อสัตว์ทุกชนิดที่ปรุงแต่งทำให้เค็มหรือหวาน   เนื้อสัตว์ทุกชนิดที่ปรุงแต่งรมควัน  ทำให้แห้ง    เนื้อสัตว์ทุกชนิดไม่ให้ใช้สีทุกชนิด  ยกเว้นขมิ้นผง   หรือ
ผงกะหรี่สำหรับไก่เท่านั้น อาหารที่ใม่ได้เฉพาะสีธรรมชาติ คือ  เนื้อสัตว์ทุกชนิดที่ย่าง  อบ  นึ่ง  ทอด      บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป     เส้นบะหมี่     แผ่นเกี๊ยว    หมี่ซั่ว    สปาเก็ตตี  
มักกะโรนี   น้ำพริกแกง 


อาหารที่ตรวจพบบ่อยว่าใส่สีต้องห้าม

โดยผู้ผลิตมีการใส่สีผสมอาหารในปริมาณที่มากเกินไป  บางครั้งก็ตรวจพบว่าใส่สีย้อมผ้า   กุ้งแห้งที่พบว่ามีสีแดง  หรือ สีส้มเข้ม โดยเฉพาะกุ้งฝอย มักพบว่าผสมสีย้อมผ้า

เต้าหู้แข็งเคลือบสีเหลืองและประทับตรา     แผ่นเกี๊ยว    พริกป่น   กะปิ   ซอสเย็นตาโฟ
ผลไม้ดองหรือผลไม่แช่อิ่ม    ขนมหวานสีสดใส   เช่น    มะพร้าวแก้ว   น้ำหวานสีส้ม  ท็อฟฟี่  ลูกอม  โดยเฉพาะที่มาจากประเทศจีน 


อันตรายจากสีผสมอาหาร

อันตรายมักเกิดจากอาหารนั้นใส่สีเกินกำหนด หรือใส่สีย้อมผ้า  หรือสีย้อมกระดาษ    ซึ่่งสีทั้ง  2  ชนิด  มีโลหะหนักผสมอยู่  จำพวกตะกั่ว  ปรอท  สารหนู   สังกะสี  โครเมียม  ปะปนอยู่    โดยสีย้อมผ้ามีปริมาณโลหะหนัก หรือสารพิษอยู่มากกว่า  ซึ่งทำให้เกิดผลต่อร่างกาย   ดังนี้ 

พิษตะกั่ว  ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย  เบื่อาหาร  ปวดศีรษะ  โลหิตจาง  ถ้าสะสมตะกั่วมากขึ้นเป็นเวลานาน  จะมีสีของเส้นตะกั่ว สีม่วงคล้ำที่เหงือก แขน ขาไม่มีแรง  มือตก  เท้าตก  และมีอาการผิดปกติทางระบบประสาท

พิษปรอท  ทำให้มีอาการคลื่นไส้   ท้องเดิน  ปวดท้องมวนรุนแรง  ถ้าสะสมเรื้อรังเหงือกจะบวมแดงคล้ำ  อ่อนเพลีย

สารหนู   จะเกิดพิษต่อระบบทางเดินอาหาร  อ่อนเพลีย  กล้ามเนื้ออ่อนเพลีย  โลหิตจาง   ตับอักเสบ   หัวใจวาย

พิษโครเมียม ทำให้เวียนศีรษะ  กระหายน้ำรุนแรง  อาเจียน ไตอักเสบ ปัสสาวะเป็นพิษ

ตัวอย่างสีที่ทำให้เกิดพิษ 

สีพวกโรห์ตามีน  บี  สีเอารามีน และ มาลาไคท์  กรีน และ ไวโอเลต บีเอ็นพี 

สีตาร์ตราซีน (สีเหลือง)  ถ้าหากรับประทานเกิน   7.8   มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมสีจะไปเคลือบกระเพาะอาหาร  และลำไส้    ทำให้การดูดซึมอาหารเสื่อมสมรรถภาพ
        สำหรับสีซันเซตเยลโล่ว์ืื  และ เอฟซีเอฟ   (สีเหลือง)  ถ้ารับประทานเกิน   5  มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว  1  กิโลกรัม   จะทำให้ท้องเดิน  และน้ำหนักลด
 าจทำให้เกิดผื่นที่ผิวหนัง   หน้าบวม   อาเจียน  ท้องเดิน  อาการชา  เพลีย  และอ่อนแรงคล้ายอัมพาต   อาจรบกวนการทำงานของตับและไต
..................................

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
เหล้า
       มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ  เมื่อเข้าไปในรา่งกายจำนวนเล็กน้อย จะกระตุ้นหัวใจให้มีการทำงานมากขึ้น หลอดเลือดจะขยายตัว การไหลเวียนเลือดแรงขึ้น  และมีฤทธิ์กดสมอง ส่วนที่เกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพเฉพาะคน  ผู้ดื่มจะรู้สึกอบอุ่น   คึกคัก   ระงับความตื่่นเต้น และมีความกล้ามากขึ้น  แต่เมื่อดื่มต่ิไปมากขึ้น     แอลกอฮอล์จะกดสมองส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว  และการเห็นภาพ   การประสานงานของร่างกายต่ำลง   ถ้าดื่มต่อจะกดสมองส่วนความรู้สึก    ศูนย์ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย    ทำให้หมดสติ  และถึงแก่ชีวิตได้

       นอกจากนี้คนติดเหล้ามักจะเป็นโรคขาดสารอาหารได้   การดื่่มไม่หยุดยั้งทำให้ตับเสื่อม  เมื่อตับเสื่อมก็จะไม่สามารถขับสารพิษออกจากเลือดไว้ได้หมด  ทำให้ตับแข็ง   ซึ่งเซลล์ตับไม่อาจทำงานได้ตามปกติ
อาหารไขมันสูง

     การกินอาหารทอด อาหารมันเป็นประจำ  จะทำให้ได้ไขมันจำนวนมาก    ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่ิอ  หลอดเลือดแดง   ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี  ซึ่งจะทำให้เป็นโรคหัวใจ และ มะเร็ง

อาหารหวานจัด

     การกินอาหารที่มีน้ำตาลทราย   มีผลเสียหลายอย่างเริ่มตั้งแต่น้ำตาลไม่มีสารสำหรับเมตาโบลิสม์  จึงต้องดึงเอาสารอาหารอื่นในเลือดมาเผาผลาญตัวเอง   นอกจากนี้ยังเป็นเหตุของโรคต่างๆหลายโรค   เช่น   ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ    เบาหวาน   ความดันเลือดสูง   เป็นต้น

อาหารสำเร็จรูป


     เนื่องจากคุณค่าทางอาหารในอาหารสำเร็จรูปถูกทำลายไปจนหมดสิ้น   หรือระหว่างกระบวนการผลิิต   สารอาหารจะถูกสกัดออก แล้วเติมเข้าไปใหม่ในอัตราส่วนผิดธรรมชาติ  ทำให้สมดุลของอาหารส่วนต่างๆ  ถูกทำลายไป

อาหารซึ่งมีสารเคมีเป็นส่วนผสม

     สารผสมอาหารเป็นสารที่ไม่มีคุณค่าแต่อย่างไร    แล้วยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีก


แป้งที่ถูกขัดสีและป่นจนละเอียดขาว

     เป็นอาหรที่ขาดเส้นใยทางธรรมชาติ    อีกทั้งวิตามินและเกลือแร่ยังขาดหายไป

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนผสม

     เช่น  น้ำอัดลมประเภทน้ำดำ   ชา  กาแฟ   เป็นต้น   โดยคาเฟอีนมีปฏิกิริยากับสมอง และ ระบบประสาท    มีผลกระทบต่อส่วนต่างๆของร่างกายแตกต่างกัน  เป็นเหตุให้เกิดอาการทางประสาท   กระวน กระวาย  หงุดหงิดง่าย  ช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญในร่างกาย   มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ

     สำหรับกาแฟนั้น  แม้จะมีชนิดสกัดคาเฟอีนหมดแล้วก้ตาม   แต่ก็มีอันตรายอยู่  เนื่องจากกระบวนการ  การสกัดคาเฟอีนออกทำให้เกิดสารอื่นขึ้นมาและอาจเป็นอันตรายต่อเมลาโบลิสม์ในร่างกาย

     ส่วนในชานั้น มีคาเฟอีนอยู่ก็จริง  แต่น้อยกว่ากาแฟ   แต่มีสารแทนนินซึ่งขัดขวางการดูดซึมของเกลือแร่  และวิตามิน  การเติมมะนาวหรือนมลงไปในน้ำชา   อาจจะลดแทนนินลงไปได้

     ถ้าหากอยากดื่มชาจริงๆตามหลักของแมคโครไบโอติคส์  แนะนำให้ดื่มชา  ที่ทำจากก้านใบชา  หรือ เครื่องดื่มที่ทำจากข้าว  หรืออาจใช้ชาสมุนไพรก็ได้

Meal5.gif


แหล่งค้นคว้า :

  http://www.healthcorners.com/new_read_healthtips.php?id=777
  http://  healthyu.pn.psu.ac.th/healthyu/content
  http://bangkok-guide.z-xxl.com/?p=483 
 
http://rnpong.tripod.com/badfood.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น